ประกาศเมื่อ 19 ก.พ. 2563 เปิดอ่าน 502 ครั้ง
ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2563
ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ประกาศใช้แลัว เริ่มปี 2563 รู้กันหรือยัง ว่าที่ดินแต่ละประเภทต้องเสียภาษีเท่าไหร่ มีวิธีคำนวณยังไง
          ยืดเยื้อกันมาพักใหญ่สำหรับการผลักดัน "ภาษีที่ดิน" ในที่สุดวันที่ 12 มีนาคม 2562 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้ประกาศให้พระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 บังคับใช้เป็นกฎหมายแล้ว แทนการจัดเก็บภาษีบำรุงท้องที่และภาษีโรงเรือนและที่ดินที่ถูกยกเลิกไป โดยจะเริ่มมีผลจัดเก็บภาษี ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นไป ดังนั้น กระปุกดอทคอม จึงได้สรุปสาระสำคัญของกฎหมายนี้ มาให้ดูกันว่ามีรายละเอียดอย่างไรบ้าง แล้วเราเข้าข่ายต้องเสียภาษีที่ดินด้วยหรือไม่
ใครต้องเสียภาษีที่ดิน
  • เจ้าของที่ดิน / เจ้าของสิ่งปลูกสร้าง
  • เจ้าของห้องชุด
  • ผู้ครอบครองทรัพย์สิน หรือทำประโยชน์ในทรัพย์สินของรัฐ (ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง)
ที่ดินแต่ละประเภท เสียภาษีเท่าไหร่ 
          อัตราการเก็บภาษีที่ดินใหม่ จะแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ตามลักษณะการใช้ประโยชน์ ได้แก่ เกษตรกรรม, ที่อยู่อาศัย, อื่น ๆ (พาณิชยกรรม อุตสาหกรรม) และที่ดินรกร้างว่างเปล่า โดยคิดอัตราภาษีเป็นรูปแบบขั้นบันไดเพิ่มขึ้นตามมูลค่าราคาประเมิน ดังนี้ 

1. เกษตรกรรม เพดานภาษีสูงสุด 0.15%

"ภาษีที่ดิน"

 

 

          สำหรับการใช้ที่ดินเพื่อทำนา ทำไร่ ทำสวน เลี้ยงสัตว์ เลี้ยงสัตว์น้ำ และกิจการอื่นตามที่ประกาศกำหนด

          ทั้งนี้ คำว่าที่ดินเพื่อการเกษตรจะต้องปลูกต้นไม้ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำหนดด้วย เช่น หากปลูกกล้วยต้องไม่ต่ำกว่า 200 ต้น/ไร่ ถ้าปลูกน้อยกว่าที่กำหนดไว้จะคิดภาษีที่ดินที่เหลือ อย่างไรก็ตาม หลักเกณฑ์และรายละเอียดต่าง ๆ จะได้รับทราบในเร็ว ๆ นี้

อัตราภาษีที่กำหนดตามกฎหมาย
          - มูลค่า 0-75 ล้านบาท อัตราภาษี 0.01% (เท่ากับต้องเสียภาษี ล้านละ 100 บาท)
          - มูลค่าเกิน 75-100 ล้านบาท อัตราภาษี 0.03% (เท่ากับต้องเสียภาษี ล้านละ 300 บาท)
          - มูลค่าเกิน 100-500 ล้านบาท อัตราภาษี 0.05% (เท่ากับต้องเสียภาษี ล้านละ 500 บาท)
          - มูลค่า เกิน 500-1,000 ล้านบาท อัตราภาษี 0.07% (เท่ากับต้องเสียภาษี ล้านละ 700 บาท)
          - มูลค่า 1,000 ล้านบาทขึ้นไป อัตราภาษี 0.10% (เท่ากับต้องเสียภาษี ล้านละ 1,000 บาท)

          * กรณีเป็นบุคคลธรรมดาที่ทำการเกษตร ไม่ต้องเสียภาษีใน 3 ปีแรกที่กฎหมายบังคับใช้
          * ปีที่ 4 เป็นต้นไป ได้รับยกเว้น 50 ล้านบาทแรก/เขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

ดังนั้นเมื่อหักค่ายกเว้นแล้วจะได้อัตราภาษีที่ดินเพื่อการเกษตรสำหรับบุคคลธรรมดาดังนี้
 

อัตราภาษีปี 2563-2565
          บุคคลธรรมดาที่ทำการเกษตร ไม่ต้องเสียภาษีที่ดิน

อัตราภาษีปี 2566 เป็นต้นไป
           - บุคคลธรรมดาที่ทำการเกษตร มีที่ดินมูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท ได้รับการยกเว้นภาษี
           - กรณีที่ดินมีมูลค่าเกิน 50 ล้านบาท เก็บภาษีส่วนเกิน สูงสุดไม่เกิน 0.15%

          เท่ากับว่า หากเรา (บุคคลธรรมดา) มีที่ดินทำการเกษตรที่มีมูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท ก็ไม่ต้องเสียภาษี แต่หากเป็นนิติบุคคลยังต้องเสียภาษี ไม่ได้รับการยกเว้นใด ๆ

2. ที่พักอาศัย เพดานภาษีสูงสุด 0.3%

"ภาษีที่ดิน"

 

 

          สำหรับคำจำกัดความของที่อยู่อาศัยนั้น ล่าสุดเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2562 กระทรวงการคลังชี้แจงว่า ต้องเป็นกรณีดังต่อไปนี้

          1. เจ้าของที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่มีลักษณะให้บุคคลใช้เพื่อการอยู่อาศัย เช่น ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่เจ้าของใช้อยู่อาศัยเอง ให้ญาติพี่น้องอยู่อาศัย หรือให้เช่าเพื่ออยู่อาศัย ให้เสียภาษีในอัตราที่อยู่อาศัย

          2. ให้ครอบคลุมถึงช่วงเวลาระหว่างการก่อสร้าง หรือปรับปรุงต่อเติมสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินที่ใช้เพื่อการอยู่อาศัยด้วย เช่น บ้านที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง หรือคอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างการตกแต่ง เป็นต้น

          3. ไม่รวมถึงโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม และที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างของผู้ประกอบการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา หรือสร้างเสร็จแล้วแต่ยังไม่ได้ขายตามกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรที่ดิน หรือกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด

กรณีบ้านหลังหลัก โดยบุคคลธรรมดาเป็นเจ้าของทั้งที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน (บ้าน + ที่ดิน)

อัตราภาษีที่กำหนดไว้ตามกฎหมาย
          - มูลค่าไม่ถึง 25 ล้านบาท  อัตราภาษี 0.03% (เท่ากับต้องเสียภาษี ล้านละ 300 บาท)
          - มูลค่า 25-50 ล้านบาท อัตราภาษี 0.05%  (เท่ากับต้องเสียภาษี ล้านละ 500 บาท)
          - มูลค่า 50 ล้านบาทขึ้นไป อัตราภาษี 0.10% (เท่ากับต้องเสียภาษี ล้านละ 1,000 บาท)

          * ในปี 2563-2564 กรณีบ้านหลังหลักที่เป็นเจ้าของบ้านและเจ้าของที่ดิน (เจ้าของบ้านอาศัยอยู่เอง) และมีชื่อในทะเบียนบ้านในวันที่ 1 มกราคมของปีภาษีนั้น จะได้รับการยกเว้นภาษี 50 ล้านบาทแรก เท่ากับว่า หากเราเป็นมีบ้านพร้อมที่ดินที่มีมูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาทก็ไม่ต้องเสียภาษี

ดังนั้นเมื่อหักค่ายกเว้นแล้วจะต้องเสียภาษีดังนี้

อัตราภาษีปี 2563-2564
          - มูลค่าไม่ถึง 50 ล้านบาท ไม่ต้องเสียภาษี
          - มูลค่า 50-75 ล้านบาท อัตราภาษี 0.03%  (ล้านละ 300 บาท)
          - มูลค่า 75-100 ล้านบาท อัตราภาษี 0.05% (ล้านละ 500 บาท)
          - มูลค่า 100 ล้านบาทขึ้นไป อัตราภาษี 0.10%  (ล้านละ 1,000 บาท)
กรณีบ้านหลังหลัก โดยบุคคลธรรมดาเป็นเจ้าของเฉพาะสิ่งปลูกสร้าง และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน

อัตราภาษีที่กำหนดไว้ตามกฎหมาย
          - มูลค่าไม่ถึง 40 ล้านบาท  อัตราภาษี 0.02% (เท่ากับต้องเสียภาษี ล้านละ 200 บาท)
          - มูลค่า 40-65 ล้านบาท อัตราภาษี 0.03%  (เท่ากับต้องเสียภาษี ล้านละ 300 บาท)
          - มูลค่า 65-90 ล้านบาท อัตราภาษี 0.05%  (เท่ากับต้องเสียภาษี ล้านละ 500 บาท)
          - มูลค่า 90 ล้านบาทขึ้นไป อัตราภาษี 0.10% (เท่ากับต้องเสียภาษี ล้านละ 1,000 บาท)

          * ในปี 2563-2564 กรณีเป็นเจ้าของเฉพาะบ้านอย่างเดียว (บ้านเจ้าของอยู่เองบนที่ดินเช่า) และมีชื่อในทะเบียนบ้านในวันที่ 1 มกราคมของปีภาษีนั้น จะได้รับการยกเว้นภาษี 10 ล้านบาทแรก แสดงว่า ถ้าเรามีบ้านปลูกสร้างอยู่บนที่ดินเช่า มูลค่าไม่เกิน 10 ล้านบาท และมีชื่อในทะเบียนบ้าน จะไม่ต้องเสียภาษี

ดังนั้นเมื่อหักค่ายกเว้นแล้วจะต้องเสียภาษีดังนี้

อัตราภาษีปี 2563-2564
         - มูลค่าไม่เกิน 10 ล้านบาท ได้รับการยกเว้น ไม่ต้องเสียภาษี
         - มูลค่า 10-50 ล้านบาท อัตราภาษี 0.02% (ล้านละ 200 บาท)
         - มูลค่า 50-75 ล้านบาท อัตราภาษี 0.03% (ล้านละ 300 บาท)
         - มูลค่า 75-100 ล้านบาท อัตราภาษี 0.05% (ล้านละ 500 บาท)
         - มูลค่า 100 ล้านบาท อัตราภาษี 0.1% (ล้านละ 1,000 บาท)
กรณีบ้านหลังอื่น ๆ เช่น บ้านหลังที่ 2 ขึ้นไป
อัตราภาษีปี 2563-2564
          - มูลค่าไม่ถึง 50 ล้านบาท อัตราภาษี 0.02% (ล้านละ 200 บาท)
          - มูลค่า 50-75 ล้านบาท อัตราภาษี 0.03%  (ล้านละ 300 บาท)
          - มูลค่า 75-100 ล้านบาท อัตราภาษี 0.05%  (ล้านละ 500 บาท)
          - มูลค่า 100 ล้านบาทขึ้นไป อัตราภาษี 0.10% (ล้านละ 1,000 บาท)

3. กลุ่มอื่น ๆ (พาณิชยกรรมและอุตสาหกรรม) เพดานภาษีสูงสุด 1.2%

"ภาษีที่ดิน"

 

 
          หมายถึงที่ดินอื่น ๆ ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์เพื่อการเกษตรและการอยู่อาศัย เช่น เป็นที่ดินเพื่อเชิงพาณิชย์ อย่างโรงแรม ร้านค้า ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ โรงงาน
อัตราภาษีปี 2563-2564  
          - มูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท อัตราภาษี 0.3%  (ล้านละ 3,000 บาท)
          - มูลค่า 50-200 ล้านบาท อัตราภาษี 0.4%  (ล้านละ 4,000 บาท)
          - มูลค่า 200-1,000 ล้านบาท อัตราภาษี 0.5%  (ล้านละ 5,000 บาท)
          - มูลค่า 1,000-5,000 ล้านบาท อัตราภาษี 0.6% (ล้านละ 6,000 บาท)
          - มูลค่า 5,000 ล้านบาท อัตราภาษี 0.7% (ล้านละ 7,000 บาท)
         สำหรับบ้านปล่อยเช่า คอนโดปล่อยเช่าเพื่อการอยู่อาศัย กระทรวงการคลังให้จัดเก็บภาษีในอัตราภาษีที่อยู่อาศัย ทั้งนี้ รอติดตามรายละเอียดที่ชัดเจนจากกระทรวงการคลังอีกครั้ง

4. ที่ดินรกร้างว่างเปล่าไม่ได้ทำประโยชน์ เพดานภาษีสูงสุด 1.2% แต่จะเพิ่มเพดานเป็น 3% เมื่อปล่อยรกร้างว่างเปล่า ติดต่อกัน 3 ปี

"ภาษีที่ดิน"

 

 

          หมายถึงที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ไม่ได้ทำประโยชน์ตามควร หรือถูกปล่อยทิ้งไว้ว่างเปล่า
          - มูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท อัตราภาษี 0.3%  (ล้านละ 3,000 บาท)
          - มูลค่า 50-200 ล้านบาท อัตราภาษี 0.4%  (ล้านละ 4,000 บาท)
          - มูลค่า 200-1,000 ล้านบาท อัตราภาษี 0.5%  (ล้านละ 5,000 บาท)
          - มูลค่า 1,000-5,000 ล้านบาท อัตราภาษี 0.6%  (ล้านละ 6,000 บาท)
          - มูลค่า 5,000 ล้านบาทขึ้นไป อัตราภาษี 0.7% (ล้านละ 7,000 บาท)

          นอกจากนี้ หากปล่อยรกร้าง เป็นเวลา 3 ปีติดต่อกัน จะถูกเก็บภาษีเพิ่มอีก 0.3% ในปีที่ 4 และถูกเก็บเพิ่มขึ้น 0.3% ทุก ๆ 3 ปี หากยังไม่ได้มีการนำมาทำประโยชน์ แต่สูงสุดไม่เกิน 3%

           ทั้งนี้ อัตราการเก็บภาษีตามมูลค่าแบบขั้นบันไดดังกล่าว จะบังคับใช้ใน 2 ปีแรก (2563-2564) ส่วนปีต่อไปจะพิจารณาเก็บตามอัตราเพดานสูงสุดอีกที
ต้องเสียภาษีเมื่อไร ?
  • องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น/สำนักงานเขต ออกหนังสือแจ้งการครอบครองที่ดิน/บ้าน ให้ผู้เสียภาษีทราบภายในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี
  • ผู้เสียภาษีต้องชำระภาษีภายในเดือนเมษายนของทุกปี
  • หากมียอดภาษี 3,000 บาทขึ้นไป สามารถผ่อนชำระได้ 3 งวด งวดละเท่า ๆ กัน คือจ่ายในเดือนเมษายน, พฤษภาคม และมิถุนายน

หมายเหตุ : สำหรับในปี 2563 ซึ่งจัดเก็บภาษีที่ดินเป็นปีแรก กระทรวงมหาดไทย ได้ประกาศขยายกำหนดเวลาจัดเก็บภาษีที่ดินออกไป จากเดิมต้องเสียภาษีภายในเดือนเมษายน 2563 เลื่อนไปเป็นภายในเดือนสิงหาคม 2563 เนื่องจากออกกฎหมายลำดับรอง อีก 8 ฉบับ ยังไม่แล้วเสร็จ

ดังนั้น เฉพาะปี 2563 จะดำเนินการตามระยะเวลาดังนี้

มิถุนายน 2563

  • องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น/สำนักงานเขต ออกหนังสือแจ้งการครอบครองที่ดิน/บ้าน ให้ผู้เสียภาษี ทราบว่าอสังหาริมทรัพย์ที่มีอยู่นั้นเป็นที่ดินประเภทใด
  • หากเราต้องการแก้ไขข้อมูล เช่น เปลี่ยนประเภทอสังหาริมทรัพย์ สามารถยื่นเรื่องได้ภายใน 15 วันหลังรับหนังสือ
  • หลังจากนั้น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น/สำนักงานเขต จะลงสำรวจพื้นที่อีกครั้ง แล้วส่งหนังสือประเมินให้ทราบ
  • หากผลประเมินไม่ตรงกับที่ผู้เสียภาษีแจ้งมา สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ครั้งที่ 2
  • กรณีผลอุทธรณ์ครั้งที่ 2 ไม่ทันช่วงของการเสียภาษีในเดือนสิงหาคม 2563 เราต้องชำระภาษีไปก่อน เมื่อได้ทราบผลอุทธรณ์แล้ว และผลเป็นจริงตามที่ผู้เสียภาษีแจ้งไว้ ก็จะได้รับเงินคืน
  • แต่หากอุทธรณ์ไม่ผ่าน โดยพบว่าแจ้งเท็จ จะมีโทษกฎหมายอาญา จำคุก 2 ปี ปรับสูงสุด 40,000 บาท

สิงหาคม 2563 
         เจ้าของที่ดินจะต้องเสียภาษีที่ดินภายในเดือนสิงหาคม 2563 โดยสามารถผ่อนจ่ายได้ 3 งวด คือ จ่ายในเดือนสิงหาคม, กันยายน และตุลาคม

ข่าวประชาสัมพันธ์อื่น ๆ